เทศน์เช้า

จริตคน

๒o มี.ค. ๒๕๔๒

 

จริตคน
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์เช้า วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๔๒
ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

จริตนิสัยนะ ถ้ามันตรงจริตตรงนิสัยมันจะได้ประโยชน์มาก ถ้ามันไม่ตรงจริตตรงนิสัยมันก็ต้องคลอกันไป เพราะว่าพุทธวิสัยพระพุทธเจ้ารู้องค์เดียว แล้วก็มีพวกปรมัตถจิตนี่อาจจะรู้ได้ อย่างเช่น รถถ้าเป็นเบนซิน ถ้าเราไปเติมโซล่านี่มันเปลี่ยนไปเลยเห็นไหม ใช้ไม่ได้เลย รถเสีย รถโซล่าไปเติมเบนซินมันก็ไปไม่ได้ เครื่องมันจะเสีย

แต่ทำไมคนเวลาปฏิบัติถ้าไม่ตรงจริตเราทำไมมันไม่เสีย เสีย เสียหายมากกว่ารถอีก เพราะรถนี่พอแก้ไขมันก็หายไป แต่คนเราถ้าปฏิบัติไม่ตรงจริต มันไม่รู้เพราะอะไร มันไม่รู้นะ ปฏิบัติไปตัวเองก็ไม่รู้ด้วย ไม่รู้เพราะว่าอวิชชาไง อวิชชาความไม่รู้ก็ขวางไปๆ

ถ้าตรงจริตนะ จูฬปันถกเห็นไหม มหาปันถกเป็นพี่ชายของจูฬปันถก สอนให้บริกรรมคาถาข้อหนึ่ง บริกรรมไม่ได้ จนบังคับให้ไปสึก บังคับว่าสึกไปซะ อาย เพราะว่าพี่ชายเป็นพระอรหันต์ น้องชายให้ท่องคำๆ เดียวยังท่องไม่ได้ เป็นปริยัติเห็นไหม จนพระพุทธเจ้ามาดักรออยู่นะ ดักรอที่ประตู

“จูฬปันถก เธอบวชเพื่อใคร”

“บวชเพื่อตถาคต”

“งั้นจะไปไหน”

“จะไปสึก พี่ชายให้ไปสึก”

“เธอไม่ได้บวชเพื่อเขา บวชเพื่อเรามา”

ให้เอาผ้าขาวมาลูบเห็นไหม ตรงนิสัย จริตตรงกับจริต ลูบไปให้พูดเป็นภาษาบาลีนะ ให้พูดว่าขาวหนอ ขาวหนอ พอมันขาวหนอ ขาวหนอ เอามือลูบกับผ้าขาวมันจะขาวได้อย่างไร มันก็ต้องดำน่ะสิ นี่ตรงกับจริต ตรงกันเปี๊ยะเลย อันนี้คือมัชฌิมาปฏิปทาเห็นไหม มัชฌิมาปฏิปทาทางสายกลาง ตรงพอดีนี่เพี๊ยะ สำเร็จเป็นพระอรหันต์เลย สำเร็จเป็นพระอรหันต์เลยนะ แล้วเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาคือว่าตรงจริตไง

ถ้าการปฏิบัติที่ไม่ตรงจริต หนึ่ง ทำให้เนิ่นช้า ทำให้เสียไป แล้วจิตนี้เปลี่ยนไปเรื่อย เปลี่ยนไปเรื่อย อย่างการศึกษา เราศึกษามาจะเอากี่ประโยคก็แล้วแต่เราศึกษามา การศึกษาจำตำรามา แต่ถ้าการปฏิบัตินี่มันเป็นประสบการณ์ตรงเข้าไป ถ้าตรงจริตด้วยแล้วพอดี นั่นถึงว่าการพิจารณากาย อย่างที่เขาทำกันอยู่นี่มันตรงจริตไหมล่ะ มันเป็นระบบเห็นไหม ทุกอย่างให้เป็นอย่างนี้หมด มันถึงว่าไม่ใช่มัชฌิมาปฏิปทา

มัชฌิมาปฏิปทาน่ะทางสายกลาง ตรงจริต ไม่เข้มไป ไม่อ่อนไป แต่ต้องเข้มไว้ก่อน เข้มไว้หมายถึงว่า เราต้องเข้มแข็งในการเจริญมรรคก่อน นี่ให้ตรงจริตเข้าไป คำว่าตรงจริต พิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม แต่ส่วนใหญ่แล้วพิจารณากายๆ พิจารณากายแล้วมันก็ไม่ค่อยไป ถ้าพิจารณากายอย่างศรัทธานะ ศรัทธาจริต อย่างทางภาคอีสานนี่พิจารณากาย แต่ถ้ามีการศึกษามานี่พุทธจริต มันต้องพิจารณาเหตุผลในความเป็นไป

เหตุผลนี่คือว่าพิจารณาธรรมารมณ์ ธรรมเอากระทบกับใจ อันนี้ธรรมกระทบกับใจมันอธิบายได้เป็นวิชาการ แต่มันจะคลาดเคลื่อนไปได้ง่ายเลย การคลาดเคลื่อนไป ดอกไม้พลาสติกไม่สามารถบานได้ ดอกไม้พลาสติกนี่ ดอกไม้กระดาษนี่ ไม่สามารถบาน ดอกไม้ที่มันจะงอกออกมาแล้วมันจะบานได้คือดอกไม้ธรรมชาติไง ดอกบัวบานกลางใจ กับดอกไม้พลาสติกคือการศึกษามานี่ สุตมยปัญญา จินตมยปัญญา ภาวนามยปัญญา เห็นไหม ความรู้เป็นความจำ

แต่ถ้าเป็นภาวนามยปัญญานะ ปัญญาเป็นเครื่องให้รู้ไง ยถาภูตัง รู้ว่าหลุดไปนะ ญาณรู้ว่าสิ้นกิเลสแล้วเห็นไหม แต่ไอ้ความรู้อันนี้เป็นความจำ ดอกไม้พลาสติกเป็นความจำมา ดอกไม้พลาสติกบานไม่ได้ ดอกไม้กระดาษบานไม่ได้ ถ้าเป็นดอกไม้ธรรมชาติ ดอกไม้มันมีต้นของมัน มีรากของมัน มีอาหารของมัน มันจะบานได้ ธรรมะในหัวใจถ้าตรงจริตแล้วดอกบัวมันจะบานกลางหัวใจไง ดอกบัวบานขึ้นมาเพราะมันเป็นความรู้จริง มันเป็นภาวนามยปัญญา เป็นปัญญาถูกต้อง ต้องจริตตรงจริตเห็นไหม แต่เราไม่เข้าใจตรงนั้น เราไปเข้าใจว่าดอกไม้พลาสติกมันหาง่าย ดอกไม้พลาสติกรักษาง่าย ดอกไม้พลาสติกทั่วๆ ไปไม่เหี่ยวเฉาเห็นไหม ไม่มีต้นทุนไง แต่ถ้าเป็นดอกไม้ธรรมชาติมันอยู่ได้ชั่วคราว แล้วมันก็เสื่อมไป

จริตนิสัยถ้าตรงขึ้นมานี่ มันจะเหมือนกับงอกงามขึ้นมาได้ การงอกงามขึ้นมาจากกลางหัวใจเห็นไหม นี่ถ้าตรงจริตตรงนิสัย รถถ้ามันเปลี่ยนน้ำมันผิดชนิดของมันนี่ ทำให้เครื่องเสียเฉยๆ แต่เราสามารถแก้ไขได้ ล้างเครื่องใหม่มันก็ติดขึ้นมาได้ แต่จริตถ้าการปฏิบัติไม่ตรงไปนี่ มันพลาดไปแล้วนะ พลาดไปเหมือนกับเราใช้ต้นทุนหมดไปแล้วจะภาวนาใหม่นี่ มันไม่ค่อยอยากทำไง แล้วไม่รู้ด้วย เครื่องยนต์เติมน้ำมันไปผิดนี่เครื่องมันดับมันรู้

แต่สำหรับผู้ปฏิบัติเรานี่ ปฏิบัติผิดก็ไม่รู้ว่าผิด เพราะเรามีอวิชชาความไม่รู้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ปฏิบัติไปตามไง ตามสุตฯ ตามความเป็นจริง ตามระบบที่วางไว้ไง พระพุทธเจ้าถึงวางกรรมฐาน ๔๐ ห้องไว้เห็นไหม วิปัสสนามากกว่าอีก อาจารย์มหาบัวบอกว่า ถ้าใช้ปัญญานี่กว้างขวางมากทุกอย่าง

อย่างที่เขาถามเห็นไหม ว่าทำไมหยดน้ำหยดลงไปแล้วพอแตกขึ้นมา ทำไมสามารถสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้ ไปถามพระพุทธเจ้าไง น้ำตกจากชายคาลงมาถึงน้ำแล้วกระเด็นขึ้นมาเป็นจุดและต่อม แล้วมันแตกออกไป ถ้าคนมีปัญญาน่ะ ของเล็กน้อยมันตีความหมายได้มหาศาล แล้วจิตมันต้องการอยู่แล้วว่า จิตต้องการว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่ง คือว่าความยึดมั่นของใจนี่ แล้วมันจะแก้ไขอย่างไร มันไม่มีอะไรกระทบเข้ามา กระทบเข้ามาปั๊บ ดอกไม้นี่มัชฌิมาปฏิปทา มันจะเจริญงอกงามอยู่แล้ว มันจะบานอยู่แล้ว มันรอแสงอาทิตย์ส่องมา ดอกบัวได้แสงอาทิตย์มันก็จะบานออกไปทันที แต่ไม่มีแสงอาทิตย์มาช่วยบานออก ตัวเองมันไม่ไหวไง

การหาครูบาอาจารย์นี่ดอกไม้ธรรมชาติ ดอกไม้ความจริงมันตรงจริตนิสัย คือว่ามันต้องไปทำลายอวิชชาตรงไม่รู้กลางหัวใจนี่แหละ อวิชชาความไม่รู้ ความไม่รู้ในตัวมันเองไง แต่ถ้าความจำ ความรู้มันจำมาไง มันเป็นพลาสติกทั้งหมด ความจำเข้ามาสุตมยปัญญา แต่ไม่ใช่ของเสีย แผนที่ไม่ให้โทษใครถ้าแผนที่วางไว้เฉยๆ เราอ่านแผนที่แล้วเดินผิดเดินถูกนั้นต่างหากถึงจะให้โทษ คนไม่มีแผนที่เดินเลยมันก็ผิดเห็นไหม สุตมยปัญญา การศึกษาในศาสนธรรมจำเป็นมากเลย แต่ศึกษามาแล้วเวลาปฏิบัติต้องวางไว้ คำว่า “วางไว้” (เทปสิ้นสุดเพียงเท่านี้)